พท.อ้างพลเอกป.จ้องปฏิวัติมีค.เหมาะยุบสภา

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ มีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดรัฐประหาร ซึ่งข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยได้รับ นอกจากจะมี พล.อ. อักษรย่อ ด. ยังมีพล.อ. อักษร ย่อ ป. ดังนั้น จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลให้หามาตรการป้องกัน โดยเฉพาะสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย พร้อมกันนี้ ยังแนะนำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อลดชนวนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลการปฏิวัติยังสอดคล้องกับการให้ข่าวของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ประธานเตรียมทหารรุ่นที่ 1 และอดีตนายทหารที่เคยร่วมปฏิวัติ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2520 ที่ระบุว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังคงพบอีกว่า ตามแนวชายแดนขณะนี้มีการฝึกซ้อมรบและมีการเคลื่อนกำลังพลประชิดตามแนวชายแดน ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียด ซึ่งจะทำให้เป็นข้ออ้างในการรัฐประหารด้วย


นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ มีกลุ่มนายทหารพยายามกดดันรัฐบาลให้รีบยุบสภาเพื่อไม่ให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยหากมีการยุบสภาจริง ตนก็เห็นว่า วันที่ 1 มีนาคม ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่ายังมีการแก้เขตเลือกตั้งเป็นรูปแบบใด ซึ่งขณะนี้ พรรคได้เตรียมผู้สมัครไว้ครบทุกเขตทั่วประเทศแล้ว ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรคเพื่อไทยได้เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้วเช่นกัน โดยในวันที่ 1 ก.พ. นี้ จะได้มติผู้นำการอภิปราย ขณะเดียวกัน ยังยื่นยันอีกว่า ไม่มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเตรียมย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ตามที่ นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้าง ซึ่งการให้ข่าวเช่นนี้ เป็นการเบี่ยงเบนทางการเมือง ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการล็อบบี้ และการจัดทำงบประมาณกลางปีที่มีนัยแอบแฝง ดังนั้น ในวาระที่ 3 เป็นการลงมติในรายบุคคล เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ส.ส. หรือ ส.ว. คนใดบ้าง ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว หรือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก