ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5526 - 5,550 จาก 32,894 ข่าว

IFS มั่นใจ เทรดวันแรกราคาเหนือจองชัวร์

นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IFS  เปิดเผยว่ามีความมั่นใจว่าหุ้น IFS   ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ในกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ เป็นครั้งแรกในวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2553  จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1.35 บาทได้ เนื่องจากระดับราคา IPO ที่กำหนดไว้ดังกล่าวค่อนข้างจูงใจนักลงทุน โดยผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดี ซึ่งเชื่อว่าในปี 2553 ก็คงจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน “เมื่อเข้าซื้อขายในวันอังคารที่ 10  สิงหาคมนี้ คาดว่าหุ้น IFS  จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนด้วย เนื่องจากช่วงที่เปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ IFS  ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีการตอบรับความต้องการล้นถึง 6 เท่า และผู้บริหารมั่นใจว่าจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นทุกคน' นายตัน เล เยน กล่าว   สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนนครั้งนี้ประมาณ 162 ล้านบาท มีแผนที่จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจและบริการให้มากขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และในอนาคตมีแผนจะเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพื่อครอบคลุมพื้นที่การให้บริการสินเชื่อและเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ส่วนโครงสร้างการถือหุ้นของ IFS ภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล จำกัด (สิงคโปร์)จากเดิมถือหุ้นร้อยละ49 จะลดลงเหลือร้อยละ 36.49 บริษัทไอเอฟเอส แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ไอเอฟเอส โฮลดิ้งส์) จากเดิมถือหุ้นร้อยละ 49.20จะลดลงเหลือร้อยละ 36.64              สำหรับผลประกอบการของ IFS  ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ดี โดยในปี 2550, 2551 และ 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 50.48 ล้านบาท 71.13 ล้านบาทและ 71.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่วนงวด 3 เดือนแรกปี 2553 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.81 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.64 สำหรับผลประกอบการในปี 2553 นี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2552 ที่ผ่านมา นายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IFS กล่าวว่า ภายหลังการขายหุ้น IPO ฐานะทางการเงินของ IFS  มีความมั่นคงมากขึ้นจากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถขยายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นปัจจัยบวกซึ่งจะช่วยผลักดันผลประกอบการให้มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในอนาคต และนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว การกำหนดราคาขาย IPO ที่ระดับ 1.35 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่น่าลงทุน  จึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดีและคาดว่าเมื่อเข้าทำการซื้อขายจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล  กรรมการผู้จัดการ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IFS  กล่าวว่าจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ IFS จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายธุรกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตและมีผลกำไรที่ดีและสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตรามากขึ้นได้ในอนาคต ซึ่ง IFS มีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ดังนั้นการเข้าซื้อขายในวันแรกนี้มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจและมีการตอ บรับที่ดีจากนักลงทุน

30 0

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 09/08/53

สัปดาห์แห่งการประกาศงบและปันผล ความหวังดัชนีเดินหน้าต่อเฉียด 900 จุด จะขึ้นอยู่กับหุ้นพลังงานตอบสนองกับกรณีมาบตาพุดหรือไม่ หากในการประชุมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ วันที่ 23 ส.ค. 53 สามารถประกาศโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง จะทำให้เอกชนมีโอกาสเริ่มดำเนินการได้ก่อนสิ้นปี 2553 จะถือเป็นปัจจัยบวกต่อ Sentiment การลงทุน PTT, PTTCH และ SCC ได้ในช่วงสั้น ส่วน PTTEP คาดได้รับผลดีจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อแนวโน้มกำไรในช่วง 2H53 ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากกำไรในช่วง 1H53 น่าประทับใจที่สุดในกลุ่ม ส่วน BCP เราคาดว่ามี Valuation ที่ยังถูกและไม่โดนถ่วงด้วยสเปรดปิโตรเคมีที่ย่ำแย่ IVL งบการเงินอาจดีกว่าที่คาด 1,400 ล้านบาท ผลบุญของปลายน้ำส่งให้เต็ม ๆ สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว อาทิ ดุลการค้า ยอดค้าปลีกและอัตราเงินเฟ้อ หากออกมาไม่ดีเชื่อว่าเม็ดเงินจะยังคงไหลเข้าเอเซียและตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องประเทศไทยได้รับอานิสงค์จากสภาพคล่องส่วนเกินที่ไหลเข้าประเทศและเม็ดเงินบางส่วนเข้ามาในตลาดหุ้น SET Index ยังมีทิศทางเดินหน้าปรับตัวขึ้น และมีโอกาสทดสอบ 880 - 900 ที่เป็นจุดสูงสุด ในช่วงปี 2550 – 2551 อย่างไรก็ตาม การระมัดระวังดัชนีที่ระดับสูงและถูกเทขายยังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจต่อไป โดยเฉพาะ สัปดาห์นี้ แนะนำซื้อ TUF, PTT, PTTEP, BBL, SCB, IHL, MCOT, ADVANC, DTAC หากจะถือยาวในรอบนี้ปรับหุ้น GLOW เข้ามาเป็นหุ้น Core Port มากขึ้นกรอบดัชนีประจำสัปดาห์ แนวรับ 867 แนวต้าน 887 กรอบวันนี้ แนวรับ 864 แนวต้าน 880ปัจจัยวันนี้ ( + ) เกษตร-อาหารเป็นบวก: รัสเซียประกาศจะระงับการส่งออกธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญพืชเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 53 ผู้ได้ประโยชน์โดยตรงคือสหรัฐฯ – ยุโรป แต่เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มอาหาร-เกษตรในเอเซีย โดยเฉพาะสินค้าประเภทธัญพืช ผู้รับผลบวกมาก ๆ คือ กลุ่มถั่วเหลือง ข้าวโพด น้ำตาล เช่น TVO, KSL แต่จะกลับเป็นผลลบส่งให้ต้นทุนของผู้ประกอบการอาหารสัตว์ อย่าง CPF และ GFPT มีต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น แต่เราก็เชื่อว่าผู้ประกอบการกลุ่มหลังมีการบริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น อาจล็อคราคาได้ดี สำหรับ ( + ) CPF: ราคาถึงเป้าหมายปี 2553 ที่ 25.25 บาท แล้ว เราเชื่อว่า Earnings โตตามราคาหุ้นไม่ทันในช่วงสั้น (6เดือนข้างหน้า) หากจะปรับราคาเป้าหมายเพิ่มสูงขึ้นไปอีกต้องพิสูจน์ได้ว่าการเติบโตของกำไรรายปีต้องไม่ต่ำกว่า 20% เป็นเวลา 2-3 ปีติดต่อกัน (มีแนวโน้มว่าจะทำได้แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันและพิสูจน์ได้จากผู้บริหาร) นักลงทุนอาจถือรองบประกาศได้ คาดจ่ายปันผลได้สูงถึง 0.60 บาท หรือขายทำกำไรก่อน รอซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัว ช่วง 22.30-23.20 บาท ( + ) หุ้นโรงพยาบาล: วิเคราะห์แล้วเริ่มมีความน่าสนใจโดยเปรียบเทียบระดับ PE Band ปัจจุบันยังต่ำกว่ามาตรฐานในอดีต เป็นกลุ่มที่ Laggard ด้วยเรื่อง PE Forward แล้วราคาหุ้นยังวิ่งตามไม่ทัน โดดเด่นที่ BGH ฤดูกาลเจ็บป่วยเข้าโรงพยาลมาถึงแล้วหลังฝนตกติดต่อกันหลายวันในช่วงนี้               

627 0

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 09/08/53

กลยุทธ์วันนี้    880 is not far from heaven ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีความพยายามขึ้นไปทดสอบบริเวณ 880 จุด แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นหลักอย่างธนาคารและพลังงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อ Lock-in-Profit หลัง SET INDEX ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในตลาดเงิน – ตลาดทุนไทยพร้อมกันเป็นวันที่ 10 มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้อาจมีการอ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาด เพราะด้วยแรงกดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด แต่โดยรวมแล้วเชื่อว่าเม็ดเงินทุนต่างชาติและสถาบันภายในประเทศ จะยังทยอยสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน วันที่ 10-11 ส.ค.จะมีการประกาศงบของหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นจำนวนมาก ตลาดมีมุมมองเชิงลบไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นหากผลการดำเนิงานไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดกังวล อาจกลายเป็นจุดปลดล็อกราคาหุ้นของกลุ่มพลังงานได้เช่นกัน และแม้ว่านักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลอด 10 วันทำการที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 13,359 ล้านบาท แต่หากพิจารณานับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 4,673 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินทุนต่างชาติจะยังไม่หยุดการสะสมหุ้นไทยในช่วงสั้นนี้เช่นกัน กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และ “ทยอยสะสม TASCO” และ “ซื้อเก็งกำไร” SAMART การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ควรพิจารณาปิดสถานะ Long ใน S50U10 เพื่อทำกำไรบริเวณ 600 +/-“ และถือเงินสด Stop Loss: S50U10 < 585 จุด ปิด Long และ เปิด Short Portfolio Hold: CPF/ TASCO / MCOT/ BBL/ PTT/PTTEP/ BANPU/ TPC/ MINT/ THAI/ AOT/ KCE/ MAJOR/ ADVANC/ BTS/ TVO/ AP/ CPALL/ HEMRAJAccumulative Buy: TASCO Speculative Buy: SAMARTTechnical View     แนวรับ 860 จุด, 830 จุด และ 820-822 จุด ส่วนแนวต้าน 886-888 กลยุทธ์ยังเป็นการถือครองหุ้นไปตามแนวโน้มหากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง

1710 0

บล.บีฟิท : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 09/08/53

Market Attitudeยังน่าผันผวนในช่วงแคบๆ ตลาดหุ้นไทยยังทำได้ดี หลังนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิติดต่อกันหลายวันทำการ และยังน่าจะซื้อต่อได้อีก โดยที่ปัจจัยในประเทศเรายังสนับสนุนให้มีเงินภายนอกไหลเข้าลงทุน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีเกินคาด การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยที่จะปรับขึ้นอีก ต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งขึ้น ภาวะการเมืองปัจจุบันยังไม่มีประเด็นที่ต้องวิตกอะไรนัก นอกจากนี้ก็ยังเป็นช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 และรอการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ทำให้นักลงทุนจะถือครองหุ้นต่อเนื่อง สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศ หุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวกันไม่มาก ตลาดหุ้นสหรัฐลดลงไม่มากนัก แม้ข้อมูลเศรษฐกิจออกมาด้านลบ ตำแหน่งงานในเศรษฐกิจสหรัฐลดลง 131,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 65,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ตำแหน่งงานในภาคเอกชนสหรัฐยังเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนก.ค.ด้วย ยังมองว่าตัวเลขด้านแรงงานยังคงอ่อนแอ และก็จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เชื่องช้าหรืออาจชะลอตัวด้วย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ก็ยังมีโอกาสลุ้นการเล่นขึ้นต่อ ตราบใดที่ยังไม่หลุดระดับ 870 ที่เราให้เป็นแนวรับรวมทั้งเป็นจุดถอย หากหลุดลงมา ส่วนแนวต้านยังไว้ที่เดิม 880 จุด    กลยุทธ์การลงทุน ระยะกลาง : ถือต่อ ... (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 860จุด) ระยะสั้น : ระยะสั้น : เก็งกำไร ... ขยับจุดถอยขึ้นมาที่ 870 จุด (+/-)Market Viewpoint ตลาดหุ้นสหรัฐ  ดาวโจนส์ -21.42 จุด หรือ -0.20% ปิดที่ 10,653.56 จุด ได้รับแรงกดดันหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงลงเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี น้ำมันดิบ  NYMEX -1.31 ดอลลาร์ หรือ -1.6% ปิดที่ 80.70 ดอลลาร์/บาร์เรล รับแรงกดดันจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ร่วงลงเกินคาด ส่งผลให้เกิดกระแสความวิตกระลอกใหม่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ สหรัฐ - นายจ้างเอกชนในสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. แต่ในระดับที่น้อยกว่าที่คาด ส่วนปริมาณการจ้างงานในเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับต่ำกว่าในตัวเลขขั้นต้น และสิ่งนี้ส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่อยู่ในภาวะอ่อนแออยู่แล้ว / เฟดอาจพิจารณานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันอังคารนี้ เศรษฐกิจไทย - คลังรับลูกนายกฯ ทำแผนสมดุลการคลังในอีก 5 ปี มั่นใจงบสมดุล เพิ่มรายได้ อสังหาริมทรัพย์ - เอกชนเตือนผู้ซื้อบ้าน-คอนโด เตรียมรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ชี้กลางปี 2554 เห็นภาพชัดทั้งขอกู้ใหม่-ลูกค้าเก่าหมดแพ็คเกจดอกเบี้ย 0% เข้าสู่อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คาดกระทบค่าผ่อนงวดสูงขึ้น PTT - ปรับลดเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิในปีนี้ลง หลังจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 เปิดดำเนินการล่าช้ากว่าแผนเดิมที่จะเปิดดำเนินการในกลางปี

16 0

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 09/08/53

แม้ว่าจะยังเข้าเทรดดิ้งต่อได้ แต่ต้องเน้นเลือกเป็นรายตัว และขายทำกำไรบ้าง! แนวโน้ม: ตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคยังค่อนข้างแข็งแกร่ง จากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมีเข้ามาในเอเชียอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเมื่อคืนวันศุกร์ดัชนีดาวโจนส์จะปิดปรับตัวลง จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรปปิดเป็นลบกัน แต่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับเปิดทำการด้วยการบวกต่อ แม้ว่าจะยังมีกรอบการขึ้นที่จำกัดก็ตาม ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็น่าจะยังมีโอกาสแกว่งตัวเป็นบวกได้อยู่ แต่จะเป็นการขยับบวกจากการขึ้นของหุ้นเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่า โดยเฉพาะเราเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/53 ของ บจ.ต่างๆ ซึ่งยังมีหลายบริษัทที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี อย่างไรก็ตามหลังการประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสผ่านพ้นไปแล้ว ต้องเริ่มระวังแรงขายทำกำไรหลัง SET ขยับขึ้นมามากพอควรแล้ว และความกังวลต่อการชะลอตัวที่ค่อนข้างรุนแรงของทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและจีนอาจส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้นเรายังคาดว่า SET จะอยู่ในลักษณะขึ้นแบบแกว่งตัวผันผวน และยังมีสิทธิที่จะตามมาด้วยกรปรับพักตัวลง ซึ่งมีโอกาสที่จะย้อนลงไปแกว่งแถว 860 จุดหรือต่ำกว่าได้ด้วย จึงยังแนะนำให้แบ่งส่วนขายทำกำไรบ้างโดยเฉพาะเมื่อ SET ขยับขึ้นต่อ และถ้าจะเข้าซื้อก็ต้องใช้วิธีเลือกเป็นรายตัวไปมากกว่า รวมทั้งน่าจะรอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง กลยุทธ์: ยังเลือกเข้าเทรดดิ้งในหุ้นที่ขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย เช่น BAY, BANPU, CK, ADVANC, LPN, SIRI, QH, AP, ROJNA, HEMRAJ, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS และ PDI เป็นต้น ขณะที่ PTTEP , PTT , TTW, BECL, TICON, DTAC, STEC รอหาจังหวะซื้อใหม่เมื่อราคาปรับลง และหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างตัวอื่นๆ ถ้าราคาขึ้นต่อให้เริ่มมองหาจังหวะขายทำกำไรบ้างประเด็นสำคัญวันนี้ (-) สหรัฐฯ มีคนตกงานเพิ่ม สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 อีก 1.31 แสนราย ส่วนการจ้างงานของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนก่อนแต่น้อยกว่าคาด ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 9.5% อังคารนี้มีการประชุม FOMC ตลาดคาดว่าตลาดแรงงานที่ยังอ่อนแอทำให้ Fed จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงแต่ต้องติดตามการพูดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจ   (-) TOP กำไรสุทธิ -47% Q-Q, -84% Y-Y เป็นไปตามคาด แนวโน้ม 2H10 ดีขึ้นเพราะค่าการกลั่นและราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มในกรอบจำกัด เราเชื่อว่า TOP ผ่าน bottom ไปแล้ว ราคาเป้าหมายปีหน้า 53 บาท แนะนำทยอยซื้อหรือซื้อเมื่ออ่อนตัว   (+) ADVANC กำไรดีกว่าคาด -2% Q-Q, +16% Y-Y ประกาศปันผล 3 บาท XD 17 ส.ค. จ่ายเงิน 3 ก.ย. เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 113 บาท (รวม 3G) ราคาหุ้นวิ่งรับข่าว 3G มา 2 เดือนเศษแล้ว อาจแกว่งในกรอบจำกัดจนกว่าจะประมูลจริง       (+) MAKRO กำไรดีกว่าคาด -8% Q-Q, +50% Y-Y จากการขยายสาขาเพิ่ม 3 แห่งในครึ่งปีแรก และจะขยายอีก 1 สาขาที่หนองคายเดือน ก.ย. นี้ เราปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายปีหน้าขึ้นเป็น 135 บาท บริษัทประกาศจ่ายปันผล 2 บาท/หุ้น XD 18 ส.ค. จ่ายเงิน 3 ก.ย. (+) DELTA กำไรดีกว่าคาด +24% Q-Q, +267% Y-Y UBS จะพาบริษัทโรดโชว์กลางเดือนหน้า เราแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปีหน้า 36 บาท Foreign Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน แม้ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อขายเบาบางมาก เนื่องจากส่วนใหญ่รอประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐ ซึ่งผลที่ออกมาแย่กว่าคาด แต่ไม่มาก ดังนั้นแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะยังคงไหลเข้าต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เพราะค่าเงินยูโรยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าต่ำกว่า 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ไปแล้ว หุ้นกลุ่ม Market Cap ใหญ่น่าจะได้ประโยชน์จาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้าต่อเนื่อง Technical View : “ตลาดยังแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน  ซึ่งมีสิทธิจะตามมาด้วยการแกว่งตัวลงต่อเนื่องได้  ดังนั้นเน้นเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบ และขายทำกำไรบ้างเมื่อดัชนีขยับขึ้น  จนกว่าตลาดจะปรับพักฐานลงถึงจะน่าเข้าซื้อจริงจัง...” แนวรับ    :   870-867* , 862-858** , 847-842*** แนวต้าน  :   878-880**, 886***Technical Picks:BAY (Bt 20.60 เป้าเทคนิค 22-22.80 cut loss ถ้าหลุด 20)BCP (Bt 14.70 เป้าเทคนิค 15.50-16 cut loss ถ้าหลุด 14.20)UNIQ (Bt 3.80 เป้าเทคนิค 4-4.20 cut loss ถ้าหลุด 3.70)

12958 0

บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 09/08/53

หาจังหวะขายทำกำไร เพราะเชื่อว่าจุดสูงสุดของ SET รอบนี้อยู่ที่ 880 จุด (ไม่ใช่ 900 จุด) โดยมีสัญญาณเตือนทั้งจาก ปัจจัยพื้นฐาน (SET วิ่งแรงไป จน PE ของตลาดปีนี้ขยับเป็น 13x ซึ่งไม่ถือว่าถูกอีกต่อไป) พฤติกรรมฝรั่งที่ออกแนวกลัวๆกล้าๆ (แม้ซื้อสุทธิต่อ แต่สัดส่วนลดน้อยลงทุกที) และสัญญาณทางเทคนิค (หลายเครื่องมือบอกว่าเข้าข่าย “ซื้อมากเกินไป”) อย่างไรก็ตามการปรับฐานครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประเมินจุดเข้ามาซื้อใหม่อีกครั้งที่ 820 จุด ส่วนหุ้นเด่นวันนี้เลือก STECประเด็นสำคัญวันนี้ SET รอบนี้อาจไปไม่ถึง 900 จุด เพราะสะดุดแรงขายทำกำไร เนื่องจาก นับแต้ต้นปี SET (+19%) วิ่งแรงกว่าเพื่อน (+2%) (ดูกราฟบนสุดขวามือ) Valuations เริ่มไม่ดึงดูดใจหากเทียบกำไรปีนี้ PE อยู่ที่ 13x (vs.12x ค่าเฉลี่ย) จับตาพฤติกรรมฝรั่ง แม้ซื้อ 10 วันติด แต่สัดส่วนแค่ 12% (vs. 20-25% ปกติ) สัญญาณทางเทคนิคร้องบอกว่าเข้าข่าย “ซื้อมากเกินไป (overbought)” ทั้งนี้เราประเมินการปรับตัวขึ้นรอบนี้ของ SET สูงสุดไม่เกิน 880 จุด จากนั้นเสี่ยงที่จะโดนขายทำกำไรตามเหตุผลข้างต้น แต่เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ประเมินจุดกลับมาซื้อรอบใหม่อีกครั้งที่ 820 จุด (หมายเหตุ: ในเชิงกลยุทธ์ “Siam Senses”คงเป้าหมาย SET สิ้นปีหน้าไว้ที่ 1,000 จุด นำโดยกลุ่ม Domestic Plays) แต่กลุ่มที่อาจบวกสวนตลาด คือ “รับเหมา” ซึ่งเราชอบ STEC มากสุด 18-19 ส.ค. สภาเปิดลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2554 สารพัดโครงการต้องรีบผลักดัน เพื่อกระตุ้นศก. & สร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล ทั้งนี้ปีหน้า ตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณเพิ่มเป็น 4.2 แสนลบ. (4.1% ของ GDP) ดีต่อกลุ่มรับเหมา โดยเฉพาะ STEC ที่สายสัมพันธ์แน่นปึ๊ก ทุนหนา & ฝีมือดี อาจเป็นรับเหมาใหญ่ตัวเดียวที่มีทำกำไรทั้ง 2Q & ปีนี้ แต่ CK & ITD ขาดทุน 95% ของนักวิเคราะห์ให้ซื้อ เป้าเฉลี่ยจาก Bloomberg @ 8.10 (vs. ปิด 7.55) เทคนิคสวย มองแนวต้านใหญ่รอบนี้ @ 8.40 บาท Upside 11% “เก็งกำไร” 2 เรื่องเด่นสัปดาห์นี้ “งบ & XD” ภายใน 16 ส.ค. ทุกบจ.ต้องส่งงบ 2Q10 แล้วตามมาด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งสัปดาห์นี้มี 5 บจ.ใหญ่ที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ได้แก่ DCC SCC PTTEP SCCC & TTW แต่ในทางทฤษฎีกระทบ SET แค่ 2 จุด หากให้ปัจจัยอื่นคงที่สรุปภาพตลาดวานนี้ SET ปิดแทบไม่เปลี่ยน @ 875.07 จุด แต่วอลุ่มทะลุ 4 หมื่นลบ. อีกครั้ง โดยหนักไปที่การเล่นรอบทำกำไรของรายย่อย & พอร์ตโบรกเกอร์ ในขณะที่ฝรั่ง แม้ซื้อสุทธิต่อเป็นวันที่ 10 อีก 1.6 พันลบ. แต่สัดส่วนเหลือแค่ 12% ของวอลุ่มตลาดรวม(vs. ปกติ 20-25%) อีกหนึ่งข้อสังเกตว่าตลาดเหมือนจะจบรอบคือ คือ SET50เคลื่อนไหวสวนทางกับ SET (ขายหุ้นใหญ่ มาไล่หุ้นกลาง/เล็ก) DJ ทรง แต่ น้ำมันลงแรง ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือนก.ค. ที่ร่วงลงเกินคาด ทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง โดย DJ ปิดลบ 0.2% @10,653 จุด แต่ NYMEX ร่วงแรงกว่าคือ เกือบ 2% @ US$80.70bbl อย่างไรก็ตามยังมีข่าวดีอยู่บ้าง คือ ตัวเลขอัตราการว่างงานโดยรวมของสหรัฐฯในเดือน ก.ค.ทรงตัวที่ระดับ 9.5% (vs. ตลาดคาด 9.6%)

10426 0

ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดที่ 31.99-32.00 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้ เปิดตลาดที่ระดับ 31.99-32.00 บาทต่อดอลลาร์ โดย ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 31.96-31.97 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวัน คาดว่า มีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าได้อีกเล็กน้อย ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.95-32.00 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ให้ติดตามการแทรกแซงค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย หลังค่าเงินบาทแข็งค่าหลุด 32.00 บาท/ดอลลาร์                

13 0

7เดือน ออมสินโกย กำไรหมื่นล้าน

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไปธนาคารตั้งเป้าตัวเลขกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 500 ล้านบาท รวมถึงตัวเลขสินทรัพย์ เงินฝากและสินเชื่อจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 8% และตั้งเป้าขยายสาขาธนาคารแบบเต็มรูปแบบเพิ่มขึ้นอีก 84 สาขา จากปี 2553 ที่ 100 สาขา จากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และการปรับปรุงกระบวนการให้สินเชื่อให้คล่องตัวขึ้น รวมถึงการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจทั้งในเรื่องการกู้สินเชื่อ การลงทุนและการขยายการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ ปี 2553 คาดว่า แนวโน้มตัวเลขกำไรสุทธิจะเติบโตที่ระดับ 17,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิประมาณ 15,904 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้เกิน 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9.2 แสนล้านบาท จากปัจจัยเสริมสำคัญเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มนักลงทุน ซึ่งส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อขยายตัวได้เป็นอย่างดี 'การปล่อยสินเชื่อก็ยังคงขยายตัวได้ดี แม้ว่าประเทศไทยจะเพิ่งผ่านสถานการณ์ความไม่สงบมาก็ตาม แต่จากนโยบายการกระตุ้นและเร่งฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็ถือเป็นอีกกลไกสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการลงทุนและขยายการลงทุนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มช่องทางการบริการเพื่อให้ง่ายต่อการใช้บริการของลูกค้า และการเพิ่มธุรกรรมด้านการเงินต่าง ๆ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งก็ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปในตัวด้วย ' นายเลอศักดิ์ กล่าว ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม2553) มีกำไรสุทธิที่ระดับ 10,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 15,904 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมาย รวมถึงการปรับปรุงวงเงินสินเชื่อ และเงื่อนไขกระบวนการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งทุนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนในการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการดูแลหนี้ด้อยคุณภาพและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.16% ของสิ้นเชื่อรวม ลดลงจากปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 2.22% เนื่องจากการให้ความสำคัญในการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพและการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ตามความเหมาะสม 'จากนี้ไปออมสินเองก็ยังมีแผนที่จะเร่งพัฒนาสถาบันการเงินระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพและกลายเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยวางเป้าหมายไว้ว่าจากนี้ไปอีก 2 ปี จะขยายสาขาธนาคารชุมชนเพิ่มเป็น 3,000 แห่ง เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการกระจายความช่วยเหลือของรัฐบาลให้กับกลุ่มประชาชนระดับรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนักเพราะเป็นผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยเชื่อมั่นว่าในระยะยาวจะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี' นายเลอศักดิ์ กล่าว สำหรับ วงเงินสินเชื่อสำหรับข้าราชการครู ซึ่งมีวงเงินราว 2 แสนกว่าล้านบาท และมีตัวเลขNPLที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.02% เชื่อว่าเป็นผลมาจากการสร้างความรู้ความเข้าใจในกฎเกณฑ์และกติกาต่าง ๆ ในการขอสินเชื่อและชำระสินเชื่อ โดยสะท้อนให้เห็นจากตัวเลข NPL ที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี ที่มา แนวหน้า                

5 0

ราคาบ้านในนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 1.4%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  โควทเทเบิลวาลูนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า ราคาบ้านเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 4.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดนับแต่เดือนธันวาคม หลังอัตราดอกเบี้ยจำนองเพิ่มขึ้นและการขอสินเชื่อผู้บริโภคลดลง โดยความต้องการซื้อสังหาริมทรัพย์ลดลง และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจนิวซีแลนด์จะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าในปี 2010 'ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อบ้าน ซึ่งเราคิดว่าราคาบ้านจะลดลงในระดับปานกลางในช่วงปลายปีนี้และต้นปี 2011' นายนิก ทัฟเฟลย์หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เอเอสบี กล่าว

42 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

แรงงานเหมาช่วงขาดหนัก ชี้สินค้าคริสต์มาส-ปีใหม่ทะลักเข้า เซ็งนายจ้างช่วงงานน้อยถูกลอยแพ นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานภาคอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความต้องการแรงงานแบบเหมาช่วง (ซับคอนแทรค) อีก 1 ล้านคน ในการรองรับการผลิตสินค้าในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์) จำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่งผลให้บริษัทผู้รับเหมาช่วงต่างเร่งประกาศหาแรงงานป้อนให้โรงงานเพราะหลายแห่งต้องเดินเครื่องจักรตลอด 24 ชม.ต่อวันดัน กก.ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ครม. พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาและแนวทางการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จ.สระแก้ว เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการที่พม่ามาแล้วโดยระหว่างนี้จะลงพื้นที่สำรวจความเป็นไปได้ของการจัดตั้ง และเสนอให้ครม.พิจารณาได้ภายใน 3 สัปดาห์ ข้างหน้า'ฮุนเซน' กร้าวร่อนจม. ฟ้องยูเอ็น จวกไทยคุกคามเขมร 'มาร์ค' ยกพระราชดำรัสเตือนสติ ให้แก้ปัญหาโดยสันติวิธี-ฉันมิตร ปัญหาเขาพระวิหาร นายกฯ อัญเชิญพระราชดำรัส 'ในหลวง' 2 โอกาส ปี 2535 และปี 2551 เตือนสติคนไทยให้คิดรอบคอบ 'ไทย-กัมพูชา' เป็นเพื่อนกันต้องแก้ด้วยสมานฉันท์-สันติวิธี ทรงย้ำดูจุดของปัญหาต้องมีข้อตกลงชายแดนชัดเจน 'มาร์ค' ย้ำเอ็มโอยู ปี 43 มีประโยชน์ ป้องกันการรุกราน ใช้ระงับขึ้นเป็นมรดกโลก ขอใช้เวลาความละเอียดผลักดันคนเขมรพ้นพื้นที่พิพาทหากเคลียร์ไม่จบพร้อมรบแก้ปัญหา ด้าน 'นายกฯ ฮุนเซน' ฟ้องยูเอ็นไทยคุกคามอธิปไตย ละเมิดคำสั่งศาลโลก จี้แพร่กระจายข่าวให้ทั่วโลกรับรู้ นายกฯตั้ง 'สุวิทย์'เป็นคนหากรรมการร่วมแก้ปัญหา นายกฯ เชื่อหลังดีเบตประชาชนเข้าใจมากขึ้น ม็อบสลายแต่ยังไม่พอใจ เตรียมก่อม็อบใหม่อีกครั้ง  ตำรวจไม่จับใครดำเนินคดี  อ้างดูเจตนาไม่ละเมิดกฎหมาย ปัด พาดพิงใครขายชาติสื่อเสนอผิดพลาด 'เพื่อไทย' อัด รัฐบาล พธม. เล่นตลกร้ายเกมการเมืองจุดกระแสรักชาติ แนะ ทำเป็นวาระแห่งชาติให้ 'นปช.'ร่วมถกด้วย แขวะ 'กษิต' ไร้ผลงาน พบแล้ว 4 คนในภาพมงคล เชิญถวายพระพร ผ่าน 'เว็บ-SMS' พบแล้ว 4 ภาพทรงจำ 'บุคคลในภาพกราบพระบาทแม่ของแผ่นดิน' เผยสุดปลาบปลื้มได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดแม่ของแผ่นดิน  ครั้งหนึ่งในชีวิตขณะที่ 'มาร์ค' ชวนคนไทยร่วมถวายพระพรราชินีผ่านเว็บไซต์-เอสเอ็มเอส เตรียมจัดงานระดมทุนต้านภัยยาเสพติดตามรอยแม่ 9 ส.ค.'วิเชียร' มาแรงผบ.ตร. คาดอภิสิทธิ์เสนอชื่อ ฐานะ 'อาวุโส' สูงสุดพท.จี้ปลดแอก สตช. เลขานุการ ก.ต.ช. ระบุได้เตรียมข้อมูลประวัติผลงานของนายตำรวจยศ พล.ต.อ. ทั้ง 9 คนที่มีคุณสมบัติสามารถรับเลือกเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ไว้แล้ว ขึ้นอยู่กับนายกฯ จะเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ ซึ่งจะเสนอเพียงชื่อเดียวให้กรรมการ ก.ต.ช. รับ หรือไม่รับ เท่านั้น คาด 'วิเชียร' จะได้รับการเสนอชื่อในฐานะอาวุโสที่สุด 'มาร์ค' ยัน ได้ตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่แน่ ด้าน'สาธิต' ฟิต หลังนั่ง ประธาน กมธ.ตำรวจระบุ ผบ.ตร.คนใหม่ ต้องสางปัญหาในองค์กร  โดยต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะที่ เพื่อไทย ร้องตั้ง ผบ.ตร.ตรงไปตรงมาเพื่อช่วยปลดแอก สตช.จวกบิ๊ก 'ส.' ซีกรัฐบาลข่มขู่พยานยุบพรรค! นายกฯ มึนตึ้บ 'ภูมิใจไทย' กวาดงบสร้างถนนเอาใจพื้นที่ แจงไม่ทราบรายละเอียดโยน 'สามสี' สะสางถนนบิน เผยไล่พิจารณารายจังหวัดถอนบังคับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปั้นมหาวิทยาลัยเป็นแนวร่วมปรองดองเฟ้น 1 แห่งเป็นเจ้าภาพทุกจังหวัดสร้างสมานฉันท์ 'ชวน' ติวเข้มก่อนสืบพยานคดียุบพรรค ปชป. ให้ 'บัณฑิต' เป็นผู้ซักค้าน 'เพื่อไทย' สับเละ 'บิ๊ก ส.' ในรัฐบาลใช้อำนาจเบ่งข่มขู่พยาน แนบพลัง M บีบหนัก ปชป.ชูนโยบายหาเสียง ดูแลตั้งแต่เด็กยันตาย 'เทพไท' เยาะพท.มั่วตกเขียวส.ส. แฉแค่ขู่ในพรรคไม่ให้แตกแถว กลัวมนต์แม้วเสื่อม 'บิ๊กบัง' ยังวาดฝันการเมืองไร้โกง เชื่อยึดกฎหมายเลือกตั้งใสสะอาดได้'แดง' หวัง มาร์คมาหาบ้าง แบบพธม. ป.ป.ช.เรียกนายกฯ สอบแต่งตั้ง 'กษิต' บก.ลายจุดล่อเป้า พาคนเสื้อแดงกว่าครึ่งพันวิ่งรอบสวนสันติภาพ ร่วมกันทำกิจกรรมแสดงท่าการเสียชีวิต เพื่อย้อนรำลึกเหตุการณ์วันสลายการชุมนุม เผยคนเสื้อแดงก็อยากให้นายกฯ  มาพูดคุยเช่นเดียวกับพันธมิตรฯ บ้าง เตรียมจัดกิจกรรม 'ปิคนิคข้าวแดง' 15 ส.ค.ที่สวนรถไฟ ส่วน ป.ป.ช.เรียก 'มาร์ค' ชี้แจงการแต่งตั้ง 'กษิต'เป็น รมว.การต่างประเทศ-ออกกฎหมายเอื้อม็อบพันธมิตรฯ  จากกรณีที่ถูกร้องเรียนให้ถอดถอนจากตำแหน่ง เพื่อให้ทราบเหตุผลที่ทำเช่นนั้น โดยจะเรียกให้มาชี้แจงภายในเดือนนี้ ซึ่ง นายกฯ จะต้องมาให้ถ้อยคำด้วยตัวเอง ด้าน 'สุริยะใส' เผยมีขบวนการวางยา ดึงคดีก่อการร้ายให้สั่งฟ้องแกนนำเสื้อแดงไม่ทัน หวั่นเปิดทางให้หลบหนีล่าฆาตกร! ฆ่าปาดคอเด็ก 2 พี่น้องเป็นศพสยอง ตร. คาดขี้ยาชิงทรัพย์ โจรใจบาปเยี่ยงนรกส่งมาเกิดสังหารโหด 2 หนูน้อยยอดกตัญญู ใช้เวลาช่วงวันหยุดออกเร่ขายลูกชิ้นทอด หารายได้จุนเจือครอบครัว แต่โชคร้ายไปเจอแก๊งขี้ยาลงแดงบุกมาชิงทรัพย์ จึงพยายามดิ้นรนขัดขืนต่อสู้ สุดท้ายถูกจับเชือดคอตายสยองคาป่ายูคาลิปตัส สุดสลดมารดาโร่ดูศพลูกชายถึงกับร้องไห้โฮแทบขาดใจ ขณะที่ ตร.ระดมกำลังออกล่าตัวฆาตกรใจโหดมารับผิดแล้วได้เบาะแส แก๊งดูดเงิน ไอ-แบงกิ้ง พ.อ.(หญิง) สมาคมธนาคารไทยมั่นใจระบบอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งได้มาตรฐานสากล ขณะที่ พ.อ.เหยื่อเงินแบงก์ล่องหน 7 แสน แฉมีมือมืดฉกข้อมูลไปให้แก๊งดูดเงินระดับโลก เข้าไปแฮกข้อมูลโยกย้ายเงินในบัญชีเข้ากระเป๋าเป็นของตัวเอง แสดงความมั่นใจหากแบงก์สอบหาข้อเท็จจริง จับกุมตัวผู้กระทำผิดได้แน่นอน ขู่หากแบงก์ต้นสังกัดไม่รับผิดชอบ จะถอนเงินออกจากบัญชีจนเกลี้ยงแน่  ฝืนเล่น 'เซาน่า' ลวกถึงตาย เซาน่ามหาโหดในรายการแข่งอึดชิงแชมป์โลกที่ประเทศฟินแลนด์  ผลปรากฏว่าตัวเต็งจากรัสเซีย ทนร้อนไม่ไหวถึงตาย 1 ศพ รวมถึงแชมป์เก่าประเทศเจ้าภาพก็ออกอาการเดี้ยงเช่นกัน เผยในห้องร้อนจัดถึง 110 องศาเซลเซียส  แต่ผู้เข้าแข่งขันทนได้แค่ 6 นาทีก็โบกมือลา  ด้านตำรวจเข้ามาสอบสวนแม้ทางผู้จัดยืนยันว่าทำตามกติกาทุกอย่างทั้งตรวจร่างกายก่อนแข่งที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์                

16 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์ปิดที่ลดลง 1.31 ดอลลาร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนกันยายน วันที่ 6 ส.ค. 53 ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 80.70 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.60%                

33 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า

อภิสิทธิ์เชิญชวนคนไทย ถวายพระพรออนไลน์ 12สิงหาเทิดไท้'ราชินี' นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมถึงการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรณา 12 สิงหาคม 2553ว่า รัฐบาลมีโครงการจัดกิจกรรมพิเศษขึ้น 2 โครงการ โดยโครงการแรก จัดให้มีการถวายพระพรออนไลน์ ที่เปิดโอกาสประชาชนที่ต้องการแสดงความจงรักภักดี และถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถตั้งแต่วันที่ 5-12 สิงหาคม ด้วยการเข้าเว็บไซต์ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ หรืออีกหนึ่งช่องทางคือ การส่งข้อความถวายพระพร เป็นข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ไปที่หมายเลข 4567890 ทั้งนี้ รัฐบาลจะรวบรวมข้อความทั้งหมดในทุกระบบนำขึ้นทูลเกล้าฯวันที่ 12 สิงหาคม นอกจากนี้ ในส่วนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ยังได้จัดนิทรรศการที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งสามารถร่วมกิจกรรมในเรื่องของการถวายพระพรได้เช่นกันวิเชียรเต็งผบ.ตร. นายกฯชงเข้าก.ต.ช.จันทร์นี้ 'วัชรพล'เร่งหาเสียง 'เพรียวพันธ์'ปิดปาก ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ตช.) ในวันที่ 9 สิงหาคม ว่า น่าจะได้ตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ในการประชุม ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยแต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ก.ตช.ภาคีฯแฉออกทีวีไทยเสียดินแดนแล้ว50ไร่ นพดลประเคนเขมร   ถก3ชม.'มาร์ค-ภาคปชช.'เห็นตรงกัน พื้นที่4.6ตารางกิโลเมตรเป็นของเรา 'วีระ-ไชยวัฒน์'พักรบรอกลับมาใหม่ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 สิงหาคม ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ได้จัดให้มีรายการพิเศษเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น และชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับปมปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร และปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชาระหว่างตัวแทนฝ่ายรัฐบาล และตัวแทนกลุ่มเครือข่ายภาคีคนไทยหัวใจรักชาติ โดยใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงปูด'แม้ว'สมคบอดีตบิ๊กDSI ปั้นสำนวนเท็จ ใส่ร้ายยุบพรรคปชป. ชวนพร้อมสู้คดีนัดแรก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีพรรคเพื่อไทยกดดันการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ใน เรื่องคดียุบพรรคของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคขอร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นรูปแบบเพื่อปลุกระดมมวลชน คุกคามกระบวนการยุติธรรมหากผลการตัดสินไม่ตรงกับที่ตัวเองคิดไว้ ซึ่งเป็นการกระทำรูปแบบเดียวในยุคของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งผลให้เกิดวิกฤตการเมืองตกทอดมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอและศาล แต่อย่าคุกคาม แทรกแซงอย่างเช่นรัฐบาลในอดีต ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากผลจะออกมาเป็นเช่นไร พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะยอมรับคำตัดสินวางยา!ฟ้องก่อการร้ายไม่ทัน 'สุริยะใส'จับพิรุธ ดีเอสไอขัดแย้งอสส.   ที่พรรคการเมืองใหม่ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมือง(กมม.)ใหม่ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ออกมาระบุอาจไม่สามารถดำเนินการสิ่งฟ้องแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในคดีก่อการร้ายได้ทันกำหนดฝากขังผัดสุดท้ายในวันที่ 11 สิงหาคมนี้คปส.เล็งชงมาร์ค เปิดเวทีถกทางออก พรบ.คุ้มครองคนไข้   ยังคงมีความเคลื่อนไหวของเครือข่ายคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข (คปส.) คัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.)คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ... หลังสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) แห่งประเทศไทย แพทยสภา แพทยสมาคมถอนตัวจากการเป็นกรรมการเสริมสร้างสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ตั้งขึ้น เพื่อหาข้อยุติต่อกฎหมายดังกล่าวจับขรก.-ลูกจ้างตัวประกันอ้างโหวตงบฯ 54 ผ่านสภาถึงจะได้ขึ้นเงินเดือน 5% นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554ว่า พรรคมีความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พิจารณาเสร็จแล้วและจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 18-19 สิงหาคมนายกฯสาง'มาบตาพุด' ยัน23สิงหาฯได้ข้อยุติ รายชื่อกิจการร้ายแรง BOIห่วงลงทุนวืดเป้า   'มาร์ค' เดินหน้าแก้ปัญหา 'มาบตาพุด' เผยบอร์ดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม นัดประชุม23สิงหาคมนี้ ประกาศรายชื่อกิจการที่มีผลกระทบร้ายแรง พร้อมให้ 'มหาดไทย' สร้างแนวกันชนระหว่างโรงงานกับชุมชน ขณะที่ 'บีโอไอ'ยอมรับลงทุน 7 เดือนมีเม็ดเงิน 2.1 แสนล้านยังห่างไกลเป้าทั้งปีที่ต้องได้ 5 แสนล้าน'แบงก์ออมสิน'รวยอู่ฟู้ แค่7เดือนกำไรหมื่นล.   ธนาคารออมสิน เปิดผลดำเนินงาน พบ 7 เดือนแรก ของปีนี้ฟันกำไรไปแล้ว 10,259 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีกำไรทะยาน 17,500 ล้านบาทแน่ พร้อมรับลูกนโยบายรัฐในการฟื้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า3 ค่ายมือถือโต้'นักวิชาการ' ยันค่าโทร.ในไทยต่ำติดอันดับโลก   'เอไอเอส-ดีแทค-ทรูมูฟ' โต้ 'สบท.-นักวิชาการ' หลังโดนกล่าวหาคิดค่าโทร.แพง ฟันกำไร ระบุเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว ยันค่าโทรเฉลี่ยที่ 1 บาทต่อนาทีนั้น เป็นอัตราที่ถูกแล้ว พร้อมยกผลสำรวจของต่างชาติให้ไทยเป็นประเทศที่คิดค่าโทรต่ำอันดับ 3 ของโลกแฉเลห์พ่อค้าโกงตาชั่ง พาณิชย์ยอมรับไม่ทันเกม   'พาณิชย์' ออกมาแฉเล่ห์โกงตาชั่ง ระบุมีการดัดแปลงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟท์แวร์ พร้อมยอมรับตามจับไม่ทันอ้างมีคนน้อย ขณะที่กฎระเบียบของกระทรวงล้าหลัง ไม่ทันต่อสถานการณ์ ด้าน 'พรทิวา' รมว.พาณิชย์ เป็นห่วงเกษตรกรที่โดนเอาเปรียบแรงงานขาดแคลน1ล้านคน เอกชนเล็งขยับค่าจ้างดูดเข้าโรงงาน นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานภาคอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมไทยต้องการแรงงานแบบเหมาช่วง หรือซับคอนแทรค มากถึง 1 ล้านคน เพื่อรองรับการผลิตสินค้าเดือนกันยายน-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) เข้ามามาก เพื่อรองรับความต้องการสินค้าในเทศกาลคริสมาสต์ และปีใหม่ ทำให้บริษัทผู้รับเหมาช่วงต่างเร่งประกาศหาแรงงานป้อนเข้าสู่โรงงาน เนื่องจากก่อนที่จะตกลงทำสัญญารับออเดอร์ ลูกค้าต่างประเทศต้องการให้ผู้ผลิตไทยยืนยันว่าจะส่งสินค้าให้ทันตามกำหนด เพราะถ้าไม่มั่นใจว่าจะส่งสินค้าได้ ผู้ซื้อก็จะไปติดต่อผู้ผลิตรายอื่นแทน ซึ่งขณะนี้โรงงานหลายแห่งต้องปฎิเสธออเดอร์จำนวนมาก เพราะมีแรงงานไม่เพียงพองดเก็บค่าต๋งรง.5ปี เน้นกลุ่มรีไซเคิลของเสียเป็นพลังงาน นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งนำของเสียหรือวัสดุเหลือใช้จากการประกอบกิจการโรงงานมาผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทดแทน และนำของเสียจากการเผาไหม้ในกระบวนการผลิตทั้งหมดกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เป็นเวลา 5 ปี โดยโรงงานซึ่งนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ก่อนวันที่ประกาศกฎกระทรวงจะได้รับการยกเว้นตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ ส่วนโรงงานซึ่งนำของเสียมาใช้ประโยชน์หลังกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ และก่อนวันที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปี ให้ได้รับการยกเว้นนับแต่ปีที่ได้นำของเสีย หรือวัสดุเหลือใช้จากการประกอบกิจการมาใช้ประโยชน์พาณิชย์จี้ฟิลิปปินส์ ยกเลิก'เซฟการ์ด' กลุ่มสินค้ากระดาษ หวังส่งออกได้เพิ่ม นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมฯได้มีหนังสือถึงฟิลิปปินส์ เพื่อคัดค้านผลการไต่สวนภายใต้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น(เซฟการ์ด) กลุ่มสินค้ากระดาษที่นำเข้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงไทย โดยกำหนดให้เรียกเก็บเงินค้ำประกันในอัตราเมตริกตันละ 1,480 เปโซ เป็นเวลา 200 วัน นอกจากนี้ยังส่งผู้แทนเข้าประชุมเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาของฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งประเด็นที่ไทยโต้แย้ง คือ สินค้ากระดาษของฟิลิปปินส์ไม่ได้รับความเสียหาย จากการนำเข้าสินค้ากระดาษที่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากการที่สินค้ากระดาษของฟิลิปปินส์ยังครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากกว่า 85% และสินค้านำเข้าไม่ได้ขายตัดราคา หรือยับยั้งการขึ้นราคาสินค้ากระดาษของฟิลิปปินส์บริษัทเหล็กยุ่นยันลงทุนไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ผู้บริหารบริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์เปอร์เรชั่น ผู้ผลิตเหล็กจากญี่ปุ่น ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ปัญหาโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด เนื่องจากเจเอฟอีมีแผนจะลงทุนผลิตเหล็กสำเร็จรูปสำหรับทำตัวถังรถยนต์ ชิ้นส่วนประตู เป็นต้น ในพื้นที่ดังกล่าวมูลค่าลงทุน 8,000-9,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ติดอยู่ในโครงการที่ถูกสั่งระงับ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงไปว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการแก้ไข และน่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ลุยปรับโฉมธุรกิจสหกรณ์ รับมือเปิดเสรีทางการค้า นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้สั่งให้กรมฯเปิดโครงการสหกรณ์ไทยสร้างสรรค์(Creative Co-Op) เพื่อพัฒนาสหกรณ์ของไทยให้เป็นสหกรณ์ไทยสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมรับมือกับการเปิดเขตการค้าเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ซึ่งในระยะแรกกรมฯจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือเวิร์คช็อป โดยจะเชิญ 50 สหกรณ์ที่ได้รับคัดเลือกจากทุกภาคทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการพัฒนาธุรกิจสหกรณ์สร้างสรรค์ในเดือนกันยายนนี้ ส่วนการดำเนินการระยะที่ 2 คือ การพัฒนาธุรกิจสหกรณ์สร้างสรรค์ต้นแบบใน 4 ภาค ซึ่งจะดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2554ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า                

18 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

อสังหาฯ ผวาดอกเบี้ยขาขึ้น หวั่นกระทบค่างวดเพิ่ม-ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง แบงก์รับเข้มงวด สินเชื่อ ยันไม่ห่วง 'ฟองสบู่อสังหาฯ' ชี้แนวโน้มตลาดดี เอกชนเตือนผู้ซื้อบ้าน-คอนโด เตรียมรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ชี้กลางปี 2554 เห็นภาพชัดทั้งขอกู้ใหม่-ลูกค้าเก่าหมดแพ็คเกจดอกเบี้ย 0% เข้าสู่อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คาดกระทบค่าผ่อนงวดสูงขึ้น ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ฟันธง ผู้บริโภคระดับกลางยังเสี่ยง เผยยอดปฏิเสธสินเชื่อแบงก์เพิ่ม ต้องนำมาขายซ้ำคาดคอนโดมือสองทะลักเข้าตลาด แบงก์รับยอมรับเข้มงวดสินเชื่อมากขึ้นแต่เชื่ออสังหาฯ ยังมีแนวโน้มดีไม่ห่วงวิกฤติเหมือนปี 2540 'แบงก์ชาติ' เผยยอดเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่ กทม.-ปริมณฑล เดือนมิ.ย.พุ่งกว่า 165% บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดเพิ่ม 316% ยอดเหลือขายสะสมกลางปี 2553 อยู่ที่ 2.56% ของจีดีพี'ทีดีอาร์ไอ' ห่วงภาระสวัสดิการ แนะรัฐปฏิรูประบบการคลัง 'ทีดีอาร์ไอ' ห่วงภาระลงทุนด้านสวัสดิการสังคมระยะยาวพุ่งแนะรัฐปฏิรูประบบการคลัง กระจายความมั่นคงจากผู้มีรายได้และทรัพย์สินสูงไปสู่ผู้มีรายได้และทรัพย์สินน้อยกว่าพร้อมขยายฐานภาษียึดหลักผู้มีรายได้เท่ากันควรเสียภาษีเท่ากันหุ้น 'ทรู' พุ่งเกิน 3 จี ก.ค.ขยับแรง 56% โบรกฯ ชี้สถิติสูงสุดรอบ 2 ปีแรงเกินพื้นฐาน โบรกฯระบุ ราคาตอบสนองรับประโยชน์ 3 จีมากเกินจริงส่วนรายอื่นหุ้นขยับไม่เกิน 20% หุ้นทรูวิ่งแรงทำสถิติสูงสุดรอบ 2 ปี โบรกระบุราคาหุ้นตอบรับประโยชน์ จากการประมูล 3จี มากเกินไป โดยเฉพาะเดือน ก.ค.พุ่ง 56% แรงเกินพื้นฐานที่โบรกส่วนใหญ่ให้คำแนะนำไว้ ขณะที่ผู้รับประโยชน์รายอื่นวิ่งไม่เกิน 20%บลจ.ไทยพาณิชย์ดึง 'เซ็นทรัล' เพิ่มเงินกองอสังหาฯ ซีพีเอ็น บลจ.ไทยพาณิชย์เล็งดึง 'เซ็นทรัลพลาซาภูเก็ต'  เพิ่มทุน 'กองทุนอสังหาฯ CPNRF' ปลายปีนี้ พร้อมเปลี่ยนนโยบายจ่ายเงินปันผลใหม่ ต.ค.นี้ หลังเงินกู้ถึงกำหนดจ่ายดอกเบี้ยแต่มั่นใจเม็ดเงินที่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยไม่ลดลงแน่ แย้มพร้อมลุยกองทุนสาธารณูปโภคทันทีหากแบงก์แม่สนใจทำออมสินตั้งเป้ากำไร 1.7 หมื่นล้าน 'เลอศักดิ์' ตั้งเป้ากำไรออมสินปีนี้กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท หลัง 7 เดือนแรกโชว์กำไรแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีนำเงินส่งคลังราว 9 พันล้านบาท  พร้อมหนุนสินเชื่อในแพ็คเกจแก้ไขหนี้รัฐบาล คาดยอดสินเชื่อคงค้างทั้งเป็นเกิน 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้าง 9.2 แสนล้านบาท  หลังยอดสินเชื่อใหม่ 7 เดือนแรก สูงถึง 1.4 แสนล้านบาททิสโก้ออกกองเอเชียทริกเกอร์ 15% บลจ.กรุงศรีปลื้มทาร์เก็ตฟันด์ 2 กำไร 10% ตอบสนองความต้องการ หลังกองแรกทำกำไร 5% รับเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัว บลจ.ทิสโก้ ส่งกองเอฟไอเอฟ 'ทิสโก้ เอเชีย ลีดเดอร์ ทริกเกอร์ 15%' ตอบสนองความต้องการของนักลงทุน หลังกองแรกทำกำไรได้ 5% ภายใน 2 เดือน รับตลาดหุ้นเอเชียสดใส ภาคการผลิตสหรัฐปรับตัวดีขึ้น นักวิเคราะห์เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียโตแข็งแกร่ง'คลัง' ชี้รัฐบาล ปรับบอร์ด รสก. ส่อขัดมติ ครม. รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติปรับเปลี่ยนบอร์ดรัฐวิสาหกิจแบบยกคณะ เช่น บอร์ดของ บริษัท ทีโอที บริษัท กสท และบริษัทไปรษณีย์ไทยอาจเป็นการดำเนินการที่ขัดกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบไม่ให้มีการปรับเปลี่ยนบอร์ดแบบยกคณะตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ได้เสนอธนารักษ์ถก 'ออมสิน' แลกเหรียญกษาปณ์ นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างประสานงานกับธนาคารออมสินเพื่อให้สาขาของธนาคารออมสินทั่วประเทศเป็นจุดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ของกรมธนารักษ์ นอกเหนือจากจุดรับจ่ายแลกเหรียญที่กรมธนารักษ์กำลังดำเนินการก่อสร้างจำนวน 6 แห่งทั่วประเทศนักวิชาการจี้รัฐทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว นักวิชาการ ติงท่องเที่ยวไทยใช้งบกระจัดกระจาย ไร้แผนชัดเจนหวั่นภาพรวมอ่อนไหวตามสถานการณ์ แนะรัฐเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน จี้กระทรวงท่องเที่ยวผลักยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวระดับชาติเตรียมรับมือเปิดเสรีท่องเที่ยวอาเซียนใน 5 ปีศุภาลัยจ่อเปิด 17 โครงการ 2 หมื่นล.ปี 54 จ่อแผนผุด 17 โครงการปี 2554 ค่า 2 หมื่นล้าน ศุภาลัย เพิ่มงบปีนี้เป็น 4,500 ล้านบาท ไล่เก็บที่ดินเข้าพอร์ตรับแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวสูงและแนวราบแล้ว 17 โครงการมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ล่าสุด เทงบกว่า 500 ล้านบาทดอดซื้อที่ดินเกือบ 5 ไร่ใกล้แยกอโศกของดีทแฮล์ม ผุดคอนโดปี 2554 ตั้งเป้า 2-3 ปีรายได้คอนโดพุ่ง 60% ขณะที่ปีนี้ทั้งยอดขาย-รายได้ทะลุเป้าอุตฯ อาหารรุ่ง 'ไทยเทรดฯ' จัดใหญ่ประชุมนานาชาติเพิ่มขีดแข่งขัน ไทยเทรด แอนด์ อินดัสทรี มีเดีย เจาะเทรนด์ธุรกิจอาหารไทยเข้าสู่เวทีโลก จัดงานประชุมใหญ่ด้านอาหาร 'The Future of Food 2010' รวมนวัตกรรมธุรกิจอาหารในไทย  เพิ่มศักยภาพแข่งขันเวทีโลก หลังพบแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องปีนี้โต 20% เป็นสินค้าหลักส่องออกผลักดันจีดีพีประเทศโตถึง 6%ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ        

7744 0

สรุปภาวะการลงทุนนอก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 10653.56 จุด  ลดลง 21.42 จุดหรือ -0.20%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ  2288.47 จุด ลดลง 4.59 จุด หรือ -0.20%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี S&P ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 1121.64 จุด ลดลง 4.17 จุด หรือ -0.37%ภาวะตลาดหุ้นฝรั่งเศส : ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ระดับ 3716.05 จุด ลดลง 48.14 จุดหรือ -1.28%ภาวะตลาดหุ้นเยอรมัน : ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ระดับ 6259.63 จุด ลดลง 73.95 จุดหรือ -1.17%ดัชนีค่าระวางเรือ BDI   ประจำวันที่ 6 ส.ค. ปิดที่ระดับ 2030 จุด เพิ่มขึ้น 52.00 จุด คิดเป็น 2.63%

7 0

ค่าบาทเย็นนี้ ปิดที่ 32.05-32.06 บ./ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดทำระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี  ที่ระดับ 32.05-32.06 บาทต่อดอลลาร์ ทะลุระดับแข็งค่าสุดเดิมที่ 32.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 32.05 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 32.08 บาทต่อดอลลาร์ตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า   ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (9 ส.ค. 53)  คาดว่าจะแข็งค่าอีกเล็กน้อย โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์ และแนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งหากออกมาแย่กว่าที่คาด อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นได้อีก                

7 0

จีดีพี สเปน Q2/10 ขยายตัว 0.2%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีไตรมาส 2 ปี 2010 ขยายตัว 0.2% จากไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางฯ ระบุว่า จีดีพีในไตรมาสดังกล่าวขยายตัวน้อยกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน 0.2% ซึ่งเศรษฐกิจของสเปนฟื้นตัวจากภาวะถดถอยช้าที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในสหภาพยุโรป หรืออียู ทั้งนี้ จีดีพีของสเปนติดลบติดต่อกัน 6 ไตรมาสในปีที่ผ่านมา

4 0

แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ... ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 แม้ต้องเผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่จากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง แต่เศรษฐกิจไทยก็สามารถฟื้นตัวขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างแข็งแกร่งเกินคาด ด้วยอัตราการขยายตัวที่คาดว่าจะสูงถึงประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) ซึ่งถือได้ว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชีย โดยเป็นรองสิงคโปร์และจีน (ซึ่งขยายตัวร้อยละ 18.1 และ 11.1 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรากฎชัดเจนขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด โดยเฉพาะตัวเลขของเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน อาจเป็นปัจจัยที่ฉุดเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังให้ชะลอตัว เนื่องจากแรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกที่อาจอ่อนกำลังลง สำหรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสที่ 2/2553 ที่สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะรายงานในวันที่ 23 สิงหาคม 2553 นั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลดัชนี KR Economic Condition Index ที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จัดทำขึ้น เพื่อประเมินภาพอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ที่เป็นรายเดือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2553 อาจขยายตัวสูงประมาณร้อยละ 8 (YoY) ชะลอลงจากที่เติบโตที่สูงสุดในรอบ 15 ปีที่ร้อยละ 12.0 ในไตรมาสที่ 1/2553 แต่เป็นอัตราที่สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยค่าจีดีพีในเดือนมิถุนายนปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงร้อยละ 9 จากที่ต่ำลงไปอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7 ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผลกระทบของถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คาดว่ามูลค่าจีดีพี (ที่ปรับฤดูกาล) ในไตรมาสที่ 2/2553 อาจหดตัวประมาณร้อยละ 1.4 (Seasonally-Adjusted Quarter-on-Quarter) จากที่ขยายตัวแข็งแกร่งที่ระดับร้อยละ 4.0 และร้อยละ 3.8 ในไตรมาสที่ 4/2552 และไตรมาสที่ 1/2553 ตามลำดับ แม้ว่าสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองในช่วงไตรมาสที่ 2/2553 ได้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีก และผู้ประกอบการร้านค้าในย่านที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของภาคการส่งออกที่ยังคงเร่งตัว ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการเยียวยาผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองได้ค่อนข้างเร็ว อีกทั้งยังมีผลกระตุ้นของมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งช่วยพลิกฟื้นบรรยากาศความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคักขึ้นได้เร็วกว่าที่คาด ปัจจัยบวกดังกล่าวมีส่วนช่วยชดเชยความสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมืองในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยหดตัวร้อยละ 3. 6 ในไตรมาสที่ 2/2553 จากที่เติบโตสูงประมาณร้อยละ 27.8 (YoY) ในช่วงไตรมาสที่ 4/2552 และไตรมาสที่ 1/2553 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวชัดเจนในเดือนเมษายน และหดตัวถึงร้อยละ 12.9 ในเดือนพฤษภาคมที่สถานการณ์การเมืองทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นในเดือนมิถุนายนหลังการชุมนุมยุติ โดยหดตัวร้อยละ 1.1 นอกจากนี้ การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเติบโตในอัตราที่ชะลอลงมาที่ร้อยละ 20.2 (YoY) ในไตรมาสที่ 2/2553 จากร้อยละ 31.2 ในไตรมาสแรก โดยเป็นผลจากวันทำงานที่น้อยลงเนื่องจากสถานประกอบการในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการปิดทำการในช่วงที่สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่เร่งตัวขึ้นได้ส่งผลดีต่อการผลิต การบริการ และการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกตามฐานดุลการชำระเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขยายตัวร้อยละ 41.8 และร้อยละ 29.0 ตามลำดับในไตรมาสที่ 2/2553 (จากที่ขยายตัวร้อยละ 32.1 และ 17.8 ในไตรมาสแรก) เนื่องจากสินค้าสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยางพารา ต่างยังคงมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งอานิสงส์ของการเปิดเสรีทางการค้า โดยเฉพาะในกรอบอาเซียน หรือ AFTA สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 อาจชะลอตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจในมิภาคสำคัญๆ ของโลก ซึ่งในกรณีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เครื่องชี้เศรษฐกิจหลายด้านส่งสัญญาณชะลอตัวค่อนข้างชัดเจน บ่งชี้การฟื้นตัวที่เปราะบาง โดยเฉพาะเครื่องชี้ในภาคการผลิตและแนวโน้มการบริโภค ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2553 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 55.5 ต่ำกว่าเดือนมิถุนายนที่มีระดับ 56.2 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาที่ระดับ 50.4 ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคมเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย โดยเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนเมษายน ในด้านเศรษฐกิจจีน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตชะลอลงมาอยู่ที่ระดับ 51.2 ในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 52.1 ในเดือนก่อนหน้า และสะท้อนการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 13.7 อ่อนตัวลงจากร้อยละ 16.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีชี้ภาวะการผลิตของญี่ปุ่นก็ชะลอตัวเช่นกัน สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจยูโรโซน แม้ว่าปรับเพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาด แต่ส่วนหนึ่งมีผลของเม็ดเงินสะพัดจากมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยที่น่าเชื่อได้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะสามารถรักษาแรงส่งของการเติบโตในระดับดังกล่าวต่อไปได้ในระยะข้างหน้า เนื่องจากผลที่จะตามมาจากนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลในหลายประเทศจะเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรที่เคยอ่อนค่าและหนุนภาคการส่งออกของภูมิภาคนั้น เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นท่ามกลางทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงระยะนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลให้การส่งออกรวมทั้งภาคการผลิตของยูโรโซนชะลอตัวลงในระยะต่อไป จากทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกดังกล่าว ประกอบกับฐานเปรียบเทียบในปีก่อนที่ขยับสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การผลิตและการส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 3/2553 อาจชะลอลง และอาจเติบโตเหลือเป็นตัวเลขหลักเดียว (YoY) ในช่วงไตรมาสที่ 4/2553 ซึ่งจะมีผลทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมเติบโตในอัตราที่ชะลอลงตามไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 การเติบโตของการส่งออกที่สูงถึงร้อยละ 37 (YoY) ได้ผลักดันให้จีดีพีของภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัวสูงอาจถึงประมาณร้อยละ 18 และมีผลต่อการเติบโตของจีดีพีของประเทศในครึ่งปีแรกถึงเกือบร้อยละ 7 (Percentage Point) ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผลักดันให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มที่จะสูงถึงร้อยละ 10 สำหรับอุปสงค์ภายในประเทศ ยังมีปัจจัยบวกที่อาจสนับสนุนการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ โดยบรรยากาศทางการเมืองที่ผ่อนคลายลงน่าจะส่งผลดีต่อทิศทางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งรวมไปถึงงบไทยเข้มแข็ง น่าจะเร่งตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ ขณะที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่เริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะการบริโภคก็มีแรงกดดันเพิ่มเข้ามาจากทิศทางเงินเฟ้อที่อาจปรับเพิ่มขึ้น และวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3/2553 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.3-5.3 (YoY) และอาจชะลอตัวลงเหลือไม่เกินร้อยละ 2.5 ในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/2553 อาจขยายตัวชะลอลงมาที่ร้อยละ 8.0 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับกับไตรมาสก่อนหน้า จีดีพีที่ปรับฤดูกาลอาจหดตัวลงประมาณร้อยละ 1.4 (QoQ, SA) สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 แม้เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว แต่จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมาดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอัตราการขยายตัวของจีดีพีของทั้งปี 2553 ขึ้นมาเป็นร้อยละ 5.5-6.8 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 4.0-6.0 โดยในกรณีหากไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองที่รุนแรง จีดีพีน่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 6.2-6.8 ขณะที่กรอบล่างของประมาณการรองรับกรณีหากเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี ได้แก่ ทิศทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตหนี้ในภูมิภาคยุโรป ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ คงต้องติดตามสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ทิศทางเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาการลงทุนในมาบตาพุด เป็นสำคัญที่มา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย   

24 0

นายกฯ ฝันใกล้ 5 ปีข้างหน้าทำงบประมาณแบบสมดุลได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “รัฐบาลกับการปฏิรูปประเทศไทย” ในการประชุมประจำปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เกี่ยวกับทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่อิมแพ็คเมืองทองธานีว่า แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 มีความสำคัญต่อประเทศ มาก เพราะเป็นตัวกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ให้พร้อมรับกับสถานการณ์ใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ระหว่างปี 2555 – 2559 อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดทำแผนฯ จะแล้วเสร็จในกลางปีหน้า จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ในส่วนของรัฐบาลได้เน้นให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้เกิดการปรองดองและการพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นเอกภาพ สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีความผันผวนและความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ แต่พื้นฐานที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย ช่วยให้ประเทศผ่าวิกฤตมาได้ โดยครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยโตได้ร้อยละ 10 ขณะที่ภาคการส่งออก การเกษตร อุตสาหกรรม และการลงทุนจากต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น จึงมั่นใจว่าไทยจะผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจรอบนี้ไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้ยืมของภาครัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ และในการประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงในวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคมนี้ จะมีการหารือกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากภาวะการเงินการคลังของประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำได้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวย้ำถึงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 อีกว่า ต้องมีเรื่องการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม และการนำนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นตัวกำหนดการจัดทำแผน, การพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ ความมั่นคง มีความรู้ความสามารถ และมีจริยธรรม หากไม่สามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ จะทำให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน และเกิดความขัดแย้งภายในได้ โดยตั้งเป้าให้ระบบสวัสดิการของคนไทย มีคุณภาพที่ดีขึ้น ซึ่งในปี 2559 กำหนดให้มีระบบรัฐสวัสดิการเกิดขึ้น โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินการคลังของประเทศ เพื่อลดความขัดแย้งและความไม่เป็นธรรมในสังคมไทยลง ขณะที่การปฏิรูปการศึกษาประชาชนทุกคนต้องให้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจะมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรและระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ ในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประชา โดยเฉพาะเรื่องน้ำ เกษตรกรต้องมีเพียงพอในการทำการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร รวมทั้งระบบการคมนาคมขนส่งต้องเป็นระบบมากขึ้นด้วย โดยอีก 5 ปีข้างหน้า ต้องมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะระบบรถไฟความเร็วสูง และระบบรางเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน            

14 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์ครึ่งวันบ่ายเพิ่ม 38 เซนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สัญญาส่งมอบเดือนกันยายนที่สิงคโปร์ครึ่งวันบ่ายเพิ่มขึ้น 38 เซนต์ มาอยู่ที่ 82.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 0.95 เซนต์ มาอยู่ที่ 2.1963 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.72 เซนต์ มาอยู่ที่ 2.1716 ดอลลาร์/แกลลอน และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2.4 เซนต์ มาอยู่ที่ 4.622 ดอลลาร์/1 พันลูกบาศก์ฟุต ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากนักค้าน้ำมันคาดการณ์ว่า การจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้น 9,000 ตำแหน่ง 'ราคาน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น หากเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น' คาเมรอนแฮนโอเวอร์ ระบุ       

8 0

คลังหนุนรสก.บริหารความเสี่ยง

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญทั้งในระดับสากล ประเทศและองค์กร และมีการตื่นตัวมากเมื่อเกิดวิกฤติการเงินปี 1997 และต่อเนื่องถึงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ กระทรวงการคลังในฐานะที่มีบทบาทสนับสนุนรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพแข่งขัน พร้อมสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจตื่นตัวในเรื่องนี้ โดยรัฐวิสาหกิจมีสินทรัพย์ถึง 7 ล้านล้านบาท หากมีการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก และเป็นภูมิคุ้มกันให้รัฐวิสาหกิจแข็งแกร่ง

9 0

ก.พลังงาน เดินหน้ามอบหลอดผอมเบอร์ 5

นพ.วรรณรัตน์  ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการมอบหลอดผอมเบอร์ 5 ให้กับกองทัพอากาศ ณ ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพอากาศ และกล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้กำหนดแนวทางนโยบาย/เป้าหมายในการลดการใช้พลังงานและเพิ่ม ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยลดโลกร้อน โดยกำหนดให้มีการใช้พลังงานลดลงร้อยละ 25 ในปี 2573 พร้อมทั้งจัดทำแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 72 ล้านตันในปี 2563  สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน กระทรวงพลังงานได้จัดทำ “โครงการส่งเสริมและกำกับดูแลอาคารควบคุมภาครัฐ” เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลืออาคารควบคุมที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอิสระประมาณ 800 แห่ง คาดว่าจะสามารถประหยัดพลังงานลงได้ประมาณ 25 K toe หรือ 620 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยการปรับ เปลี่ยนอุปกรณ์หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดผอมเบอร์ 5 ในอาคารภาครัฐจำนวน 680 แห่ง และมอบหมายให้ กฟผ.เป็นผู้ดำเนินการปรับเปลี่ยนสำหรับกองทัพอากาศมีปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อปีถึง 69 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 236 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นระบบปรับอากาศร้อยละ 59 ระบบแสงสว่างร้อยละ 24 และระบบอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์สำนักงาน ฯลฯ ร้อยละ 17  กองทัพอากาศได้มีการดำเนินการด้านการประหยัดพลังงานเช่นกัน โดยได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ พลังงาน ซึ่งประสบผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ และสำหรับการเปลี่ยนหลอดผอมเบอร์ 5 ให้กับอาคารกองทัพอากาศจำนวน 5,000 หลอดครั้งนี้ สามารถลดกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในหลอดลงได้เฉลี่ยร้อยละ 30 ประหยัดได้ประมาณ 130,000 หน่วยต่อปี เป็นเงิน 440,000 บาทต่อปีที่มา สำนักข่าวไทย

20 0

เอชเอสบีซี ใจถึงแจกทองลูกค้าบัตรใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารเอชเอสบีซี แจงว่า ธนาคารได้ออกบัตรเครดิตเอชเอสบีซี สวนกระแสทองราคาแพง ใจถึงแจกสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สำหรับสมาชิกใหม่ที่สมัครบัตร และได้รับการอนุมัติตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคมศกนี้ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรหลัก 400,000 บาท ภายใน 2 เดือน นับแต่ได้รับอนุมัติบัตร และใช้บัตรอย่างน้อยเดือนละ 5 ครั้ง ติดต่อกัน 2 เดือน

10 0

ไทยพาณิชย์ ปั้นนักธุรกิจรุ่นใหม่เสริมทัพ SME

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน หรือ SCB รายงานว่า นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมแสดงความยินดีและเป็นประธานมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรุ่นใหม่จากภาคธุรกิจต่าง ๆ กว่า 50 ราย ที่สำเร็จหลักสูตรโครงการพัฒนาทักษะเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ (SME Young Entrepreneur Program หรือ SME-YEP) รุ่นที่ 8 ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพทายาทธุรกิจให้สามารถสืบทอดกิจการได้อย่างมืออาชีพ โดยมีคณะผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้บริหารจากวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมยินดี

22 0

ดบ.จำนองอสังหาฯสหรัฐฯที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.49%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เฟรดดี้แมคเผยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนองอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯระยะ 30 ปีสัปดาห์ที่ผ่านมาผ่านลดลงมาอยู่ที่ 4.49% จาก 4.54% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 โดยสมาคมธนาคารเพื่อสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯเปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกรกฎาคมจำนวนการของสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 1.3% หลังได้รับแรงกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯได้พยายามป้องกันไม่ให้ยอดขายบ้านลดลง ซึ่งราคาบ้านได้เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลฯดำเนินนโยบายอุดหนุนผู้ซื้อบ้าน ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดได้เข้าซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อทำให้เกิดสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์

11 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu