บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/05/53
Market Recap and Trend: จากความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรป ไปสู่ความกังวลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การปรับลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้ SET ปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด และปิดตลาดปรับลดลงลดลงไปมากกว่า 3% วานนี้ ที่ 721.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 24,385 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิต่อเนื่องอีก 4,523 ล้านบาท จากความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรปที่อยู่ในระดับสูง ได้รุกลามไปสู่ความกังวลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และจะเป็นปัจจัยกดดัน SET ในระยะกลาง แม้ระยะสั้นๆ อานลุ้น REBOUND บ้างก็ตาม ทั้งนี้การปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones 0.2% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าฟื้นตัวจากช่วงเปิดตลาดที่ปรับลดลงไปกว่า 2% มาก ขณะที่ราคาน้ำมัน US$70/บาร์เรล อีกครั้ง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการ REBOUND ของ SET วันนี้ โดยมีเป้าหมายการ REBOUND ที่บริเวณ 730-732 จุด อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากการไหลออกของเงินทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจากความกังวลต่อปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ซับซ้อนและลึกกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มการพักฐานในระยะกลางอยู่ดีInvestment Strategy: แนะนำ TRADING กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลดลงแรงก่อนหน้า...ยังมองระดับน่าสะสมหุ้นอีกครั้งที่บริเวณ 700 จุด เหมือนเดิม การฟื้นตัวของตลาดหุ้น Dow Jones ในช่วงก่อนปิดตลาด และการปรับสูงขึ้นของดัชนี Dow Jones Futures เช้านี้ เป็นปัจจัยสนับสนุนการ REBOUND ของ SET วันนี้ โดยเราแนะนำเข้า TRADING กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลดลงแรงก่อนหน้า โดยเน้นหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, BBL, TCAP) และสื่อสาร (ADVANC) เป็นหลัก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรฯ (รวม SCC) คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาน้ำมันต่ำกว่าระดับ US$70/บาร์เรล ซึ่งทำให้หุ้นหลายๆ ตัวอาจจำเป็นต้องมีการบันทึกขาดทุนจากสต็อกวัตถุดิบในช่วง 2Q53…ขณะที่ระดับ SET ที่น่าสนใจเข้าทยอยสะสมหุ้นอีกครั้งยังอยู่ที่ระดับ 700 จุด เนื่องจากเรามองว่าเป็นระดับที่มี Valuation ที่น่าสนใจ หรือมีระดับ P/E ที่ 10.3 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 40) และ P/BV ที่ 1.4 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 40) และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.3% เหมือนเดิม สำหรับการลงทุนระยะกลางเรามองว่ากลุ่มหุ้น Defensive, High Dividend, และ Low Beta อย่าง DCC, SPALI, MAKRO, TICON, CPALL, ADVANC, RATCH, GLOW, และ EGCO จะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดเหมือนเดิม Futures Strategy: ถือสถานะ SHORT ต่อเนื่อง โดยมี Trailing Stop ที่ 510 จุด (ดูรายละเอียดใน Derivatives Strategy) AUTO: ไม่มี Update สำหรับ Auto MatrixRecommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ดีกว่าอัตราผลทอบแทน SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 10 พ.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตราผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 0.2% ในขณะที่ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +159% ดีกว่าตลาดที่มีอัตราผลตอบแทน +9.6% อยู่ 137% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL เป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุด +4.7% ขณะที่ STANLY ปรับลดลง 1.9% ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต…สำหรับสัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากหอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน) TUF (คาดผลการดำเนินงานขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2010) TICON (ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ธุรกิจโรงงานให้เช่าฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ) และเพิ่ม TCAP เข้ามาในพอร์ต โดยคาดว่า TCAP จะมีโอกาสในการเติบโตสูงหลังจากควบรวมกิจการกับ SCIB