ค้นหาข่าว  
  หน้าแรกข่าว > สังคม(test)
  คอลัมน์ บ.ก.ฟอรั่ม
โดย มติชน วัน ศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 15:44 น.
ถอนสิทธิ5ปีย้อนหลังได้
เรียน บรรณาธิการมติชน
ขณะนี้เรามีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว รอแต่การตั้งคณะรัฐมนตรีอย่างเร็วภายในสัปดาห์นี้คงจะได้ทราบกัน ขณะเดียวกันความเร่งรีบก็เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองที่มีอำนาจเก่าสมาชิกชิงลาออกจากพรรคกันเป็นจำนวนมาก สาเหตุเพื่อหลบเลี่ยงผลจากประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ที่ให้ถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นมีกำหนด 5 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรค ใช่หรือไม่?
บางความเห็นบอกว่าคำสั่งดังกล่าวไม่มีผลย้อนหลัง บางความเห็นบอกมีผลบังคับได้ตามหลักกฎหมายอาญา มาตรา 2 บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดนั้นต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย มาตรา 3 ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด และมาตรา 18 โทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำผิดมีดังนี้ 1.ประหารชีวิต 2.จำคุก 3.กักขัง 4.ปรับ 5.ริบทรัพย์ การลงโทษทั้ง 5 ประการนี้จะเห็นได้ว่าโทษทางอาญาหากศาลจะลงโทษบุคคลใดๆ คือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์ แก่ผู้กระทำผิดต้องมีกำหมายบัญญัติเป็นความผิดและได้กำหนดโทษดังกล่าวไว้ด้วยในขณะกระทำความผิดสาลจึงลงโทษได้ หากเป็นมาตรการอย่างอื่นไม่ใช่โทษทั้ง 5 ประการที่กล่าวมานี้แม้ไม่ได้กำหนดไว้ในขณะกระทำความผิดศาลมีอำนาจที่จะสั่งบังคับจำเลยได้
ดังนั้น การถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ซึ่งกำหนดภายหลังความผิดเกิดขึ้นแล้วในความเห็นของผู้เขียนไม่น่าจะถือเป็นโทษทางอาญา ศาลมีอำนาจสั่งบังคับได้
จักรี วรณะรัตน์
ตอบ
บรรดาอดีตกรรมการบริหารพรรคที่กำลังคึกคักกับย้ายรังใหม่
ด้วยความหวังที่จะเถลิง อำนาจใหม่
อ่านจดหมายคุณจักรี รวมทั้งความเห็นของนักกฎหมายอีกหลายคนที่เริ่มชี้ช่องว่าการถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี มีผลย้อนหลัง คงลดความกระดี๊กระด๊าลง
ก็ดีจะได้เป็นทุกข์เป็นร้อนบ้าง ไม่ใช่มองแต่จะหาช่องที่จะกลับสู่อำนาจ
แต่ทั้งนี้ก็คงรอดูว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีนี้อย่างไร
คุณครูขอนแก่นขอความเป็นธรรม
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
ข้าพเจ้านางรำไพ สุภิรัตน์ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ได้รับความไม่เป็นธรรมจากการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ลงวันที่ 21 กันยายน 2549 เรื่อง แจ้งจับอาจารย์พูดหมิ่นให้ไปขายตัว การเขียนข่าวโดยฟังความข้างเดียวจากคำบอกเล่าของผู้ปกครองนักเรียน ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับตัวท่านหรือครอบครัวของท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร และข่าวนี้ออกไปสู่สายตาคนทั้งประเทศ ข้าพเจ้าได้รับความเสียหายมากเพียงใด เกียรติยศและศักดิ์ศรีของความเป็นครูเสื่อมเสียหมด ความเคารพและความศรัทธาจากศิษย์เก่า-ศิษย์ปัจจุบันสูญสิ้น ทั้งที่เหตุการณ์ตามข่าวไม่เป็นความจริง
ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้ชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชาตามที่ส่งมาด้วย ดังนี้
ตามที่ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง ทำหนังสือร้องเรียน กล่าวหาข้าพเจ้าว่าใช้วาจาไม่สุภาพกับนักเรียนนั้น ข้าพเจ้าขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2549 เวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากเลิกสอบ ในขณะที่ข้าพเจ้านั่งทำงานที่โต๊ะในห้อง 712 ข้าพเจ้าได้พบนักเรียนหญิงแต่งกายไม่เรียบร้อยยืนอยู่บริเวณหน้าห้อง 712 ข้าพเจ้าจึงขอให้คุณครูท่านหนึ่ง ช่วยเรียกนักเรียนคนดังกล่าวมาพบ เพื่อทำการอบรมตามหน้าที่ประจำของข้าพเจ้าที่ได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียน ให้ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และคณะกรรมการกลุ่มกิจการนักเรียน ซึ่งมีหน้าที่คอยสอดส่องดูแล อบรมสั่งสอนนักเรียน ให้ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนและประเพณีที่ดีงามของสังคมไทย เมื่อนักเรียนคนดังกล่าวเข้ามาจึงได้อบรมสั่งสอนให้แต่งกายให้ถูกระเบียบเรื่องการแต่งกายของโรงเรียน ถ้าข้าพเจ้าไม่ทำการอบรมสั่งสอน นักเรียนจะเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด
ในขณะกำลังอบรมนักเรียน คุณครูอีกท่านหนึ่ง ได้เดินเข้ามาในห้อง 712 พบว่านักเรียนยืนสูงกว่าระดับศีรษะครู จึงให้นั่งลงเนื่องจากเป็นการยืนค้ำศีรษะผู้ใหญ่ และเห็นว่านักเรียนผู้นั้นไม่รวบผมตามระเบียบ แต่งกายไม่ถูกต้องเพราะปล่อยชายเสื้อ ไม่สวมเสื้อทับชั้นใน และสวมถุงเท้าผิดระเบียบ
หลังจากนั้น คุณครูท่านนั้นได้นำนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งแต่งกายเรียบร้อยและอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้ามาในห้อง เพื่อให้นักเรียนคนดังกล่าวได้ดูแบบอย่างที่ถูกต้อง และขอให้ช่วยแนะนำ แก้ไขการแต่งกาย มีคุณครูท่านหนึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด นับว่าคุณครูผู้นั้นได้มีความกรุณาสอนมารยาทไทย และดูแลนักเรียนให้มีระเบียบวินัย
จากนั้นข้าพเจ้าได้สอบถามถึงผู้ปกครอง นักเรียนผู้นั้นแจ้งว่า บิดาไปต่างประเทศ มารดาอยู่จังหวัดนครราชสีมา ตนอยู่กับพี่สาว ข้าพเจ้าต้องการให้ผู้ปกครองมาร่วมรับทราบและช่วยดูแล แต่นักเรียนดังกล่าว ได้ติดต่อพี่สาวให้มาเป็นผู้ปกครอง ซึ่งแต่งกายไม่เรียบร้อยกล่าวคือ สวมกางเกงขาสั้น (เหนือหัวเข่าประมาณ 2 ฝ่ามือ) และสวมรองเท้าแตะ ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติต่อสถาบันและครู ตามข้อตกลงและแนวปฏิบัติของกลุ่มกิจการนักเรียน จะติดต่อผู้ปกครองที่เป็นบิดา มารดา หรือผู้ที่มามอบตัวนักเรียนเท่านั้น
ข้าพเจ้าพิจารณาแล้ว เห็นว่าพี่สาวของนักเรียนไม่อยู่ในข่ายจะเป็นผู้ปกครองจึงได้นำไปพบนายวีรพงษ์ ศรีทุมมา รองผู้อำนวยการโรงเรียน กลุ่มกิจการนักเรียน เพื่อขอคำปรึกษาว่าจะเป็นผู้ปกครองได้หรือไม่ แต่ขณะนั้น รองผู้อำนวยการฯ กำลังสอบสวนนักเรียนเหตุทะเลาะวิวาทอยู่ คุณครูที่ร่วมในเหตุการณ์ จึงแนะนำไม่ให้เข้าพบ และได้นำพี่สาวและนักเรียน มาอบรม ตักเตือนที่ห้องประชุมกลุ่มกิจการนักเรียน จากนั้นข้าพเจ้าได้กลับมาทำงานต่อ เมื่อคุณครูที่ร่วมในเหตุการณ์อบรมตักเตือนเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าได้นำนักเรียนมาบันทึกพฤติกรรมตามระเบียบของโรงเรียนและส่งเอกสารฯให้หัวหน้าระดับชั้นที่ดูแลเด็กนักเรียนดังกล่าว เพื่อทราบและดำเนินการต่อไป
ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2549 ข้าพเจ้าได้รับแจ้งจาก คุณครูพนมพร สุภกุล หัวหน้าสำนักงานกลุ่มกิจการนักเรียน ว่าเวลาประมาณ 13.00 น. ผู้ปกครองของนักเรียนผู้นั้น มาขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ห้องผู้อำนวยการ แต่ช่วงเวลาดังกล่าว ข้าพเจ้ามีหน้าที่เป็นกรรมการกลางในการสอบปลายภาคเรียน ก่อนจะมาพบต้องแจ้งหัวหน้ากรรมการกลางที่ห้อง 212 หลังจากนั้นจึงไปที่ห้องผู้อำนวยการ
เมื่อไปถึงได้พบคุณครูที่ร่วมในเหตุการณ์ยืนอยู่ที่หน้าห้องผู้อำนวยการ จากนั้นข้าพเจ้าและคุณครู 4 คน เปิดประตูเข้าไปในห้องผู้อำนวยการ มีชายผู้หนึ่งอ้างว่าเป็นลุงของนักเรียน ได้ลุกขึ้นยืนชี้มือมาที่กลุ่มครู แล้วใช้ถ้อยคำหยาบคายว่า พวกมึงทำอะไรกันอยู่ รู้ไหมพวกกูรอตั้งแต่เที่ยง คุณครูท่านหนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า หยุดนะ ใช้คำพูดแบบนี้ไม่ให้เกียรติกัน รับไม่ได้ คุณครูอีกท่านจึงกล่าวเสริมว่า ก็กำลังคุมสอบกันอยู่ ทุกคนทำงานกันทั้งนั้น
หลังจากนั้นชายคนนั้นจึงหันมาชี้หน้าข้าพเจ้า แล้วพูดว่า ทำไมมึงจึงใช้คำว่ากูมึงกับนักเรียน ข้าพเจ้าได้พูดว่า คุณเป็นใครจึงมาชี้หน้าว่าฉัน แล้วฉันเป็นใคร ฉันยังสอนลูกคุณให้รู้จักกาละเทศะในการมาติดต่อราชการ ผู้ชายคนนั้นเดินมาประชิดตัวข้าพเจ้าและชี้หน้าแล้วพูดว่า กูจะชี้หน้ามึงจะทำไม คุณครูท่านหนึ่ง จึงหันไปพูดกับนักเรียนว่า พวกหนูฟังไว้นะ และเป็นพยานด้วยนะว่า ผู้ชายคนนี้มาใช้คำพูดกับกิริยาแบบนี้กับพวกครูได้ยังไง หลังจากนั้น ท่านรองฯวีรพงษ์ ศรีทุมมา เข้ามาในห้องเห็นสถานการณ์ตึงเครียด จึงคลี่คลายสถานการณ์ โดยพูดว่า ใจเย็นๆ คุณครูรำไพก็เป็นคุณครูอาวุโสของฝ่ายเรา ซึ่งเป็นหัวหน้าระดับชั้น ม.6 มีหน้าที่ดูแลความประพฤติของนักเรียนทุกคน แล้วรองฯวีรพงษ์ ศรีทุมมา บอกให้ข้าพเจ้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในวันที่ 18 กันยายน 2549 ข้าพเจ้าโกรธและงงอยู่กับเหตุการณ์จึงขอออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก แล้วกลับไปปฏิบัติหน้าที่กรรมการกลางโดยไม่ได้กลับเข้าไปในห้องผู้อำนวยการอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่มีผู้มาลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติยศและศักดิ์ศรีในชีวิตความเป็นครูของข้าพเจ้า ปัจจุบันข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ ทำการสอนมาเป็นเวลา 34 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย รับผิดชอบดูแลนักเรียนเสมือนหนึ่งลูกหลานและเอื้ออาทรศิษย์เสมอมา ได้รับโล่และเกียรติบัตรเป็นครูที่ปรึกษาดีเด่นหลายครั้ง มีเกียรติบัตรยกย่องชมเชยการทำงานจำนวนมาก เป็นที่เคารพรักของศิษย์ เพื่อนครู ผู้ปกครองนักเรียนและบุคคลทั่วไปตลอดมา การที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา แต่มีผู้ปกครองของนักเรียน กล่าวหาข้าพเจ้าว่าใช้วาจาไม่สุภาพกับนักเรียน และยังนำบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บิดา มารดา มาใช้ถ้อยคำหยาบคายและแสดงกิริยาเยี่ยงคนพาลต่อข้าพเจ้าและกลุ่มครูในโรงเรียน ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ มีชื่อเสียง ทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า ถูกลบหลู่เกียรติยศอย่างรุนแรง เพราะใช้ถ้อยคำหยาบคายแสดงกิริยาเยี่ยมคนพาลต่อหน้าครูและนักเรียนหลายคนที่อยู่ในห้องผู้อำนวยการ ส่วนข้อกล่าวหาว่าข้าพเจ้าใช้วาจาไม่สุภาพกับนักเรียนนั้น ข้าพเจ้าขอปฏิเสธและจะดำเนินการกับผู้กล่าวหาข้าพเจ้าจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงขอความเป็นธรรมมายังบรรณาธิการโดยตรง และขอได้โปรดแก้ไขข่าวตามความเป็นจริง เพื่อกู้คืนซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของอาชีพครูของข้าพเจ้า
จึงเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรม
นางรำไพ สุภิรัตน์
ตอบ
ลงคำชี้แจงให้คุณครูรำไพแล้วนะครับ
ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้สองฝ่ายได้ชี้แจง โดยฝากนักเรียนตีพิมพ์เป็นข่าวไป เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา

หน้า 4
 
อ่านข่าวทั้งหมดของ มติชน ได้ที่นี่
 
 
วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549
วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2549
กินเจล้างใจ
สมองเสื่อม
คอลัมน์ จีน่า หยิกแกมหยอก
คอลัมน์ ปรากฏการณ์ข่าว
หนุ่มอังกฤษเก่ง คิดทำเครื่องต้มไข่สำเร็จ
สวยด้วยเนื้อมูส เทรนด์สวยของสาวยุคใหม่
คอลัมน์ เรียงคนมาเป็นข่าว
คอลัมน์ สังคมประจำวัน